AFM-in-SEM

for In-Situ Correlative Microscopy

LiteScope

เราขอแนะนำ กล้องจุลทรรศน์แรงอะตอม (AFM) รุ่นปฏิวัติวงการ

ซึ่งสามารถ ผสานการทำงานเข้ากับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบสแกน (SEM) ได้อย่างไร้รอยต่อ

เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการทำ การวิเคราะห์ภาพแบบสัมพันธ์ในสภาวะจริง (in-situ correlative microscopy)

ทำไมต้อง AFM-in-SEM?

กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบสแกน (SEM) และ กล้องจุลทรรศน์แรงอะตอม (AFM)

เป็นสองเทคนิคที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายที่สุด และมีคุณสมบัติที่เสริมกันอย่างดี

สำหรับการวิเคราะห์ตัวอย่างในระดับต่ำกว่า 1 นาโนเมตร


การผสานรวม AFM เข้ากับ SEM

ช่วยรวมข้อดีของทั้งสองเทคนิคไว้ด้วยกัน

ทำให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก

และสามารถวิเคราะห์ตัวอย่างที่ซับซ้อนได้

ซึ่งก่อนหน้านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ หรือยากมาก

เมื่อใช้เครื่องมือ AFM และ SEM แบบแยกกัน

จุดเด่นทางเทคโนโลยี

การวิเคราะห์ตัวอย่างแบบสัมพันธ์หลายโหมด

เทคโนโลยี CPEM เป็นนวัตกรรมล้ำสมัยที่รวมการวัดเชิงกลของ AFM เข้ากับการถ่ายภาพเชิงอิเล็กตรอนของ SEM แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ได้ข้อมูลทั้งด้านโครงสร้างและคุณสมบัติพื้นผิวในระดับนาโนอย่างแม่นยำ

การวิเคราะห์คุณลักษณะของตัวอย่างในสภาวะจริง

ด้วยการรักษาสภาพแวดล้อมของตัวอย่างไว้ภายในกล้อง SEM ขณะทำการวิเคราะห์

เทคโนโลยี In-situ ช่วยให้สามารถสังเกตและวัดผลพฤติกรรมของวัสดุ ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายตัวอย่างออกจากระบบ

การระบุตำแหน่งบริเวณที่สนใจอย่างแม่นยำ

เทคนิคนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมหัววัดของ AFM ภายในกล้อง SEM ได้โดยตรง

ลดเวลาในการค้นหาพื้นที่ตัวอย่าง และเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่งจุดวัดในระดับนาโน

เราผสานพลังของ AFM และ SEM เข้าด้วยกัน

AFM

  • ภาพพื้นผิว 3 มิติที่แม่นยำ (Precise 3D Topography)
  • ความละเอียดสูงระดับต่ำกว่า 1 นาโนเมตร (High Resolution to sub-nm)
  • การวิเคราะห์คุณสมบัติทางกล (Mechanical Properties)
  • การวัดคุณสมบัติทางไฟฟ้า (Electrical Properties)
  • การตรวจสอบคุณสมบัติทางแม่เหล็ก (Magnetic Properties)

SEM

  • การถ่ายภาพ 2 มิติความเร็วสูง (Fast 2D Imaging)
  • ช่วงการมองเห็นตั้งแต่ระดับมิลลิเมตรถึงนาโนเมตร (Viewfield Range mm to nm)
  • การปรับแต่งพื้นผิวตัวอย่าง (Surface Modification)
  • การวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุ (Elemental Composition)
  • การระบุโครงสร้างผลึกของวัสดุ (Crystal Structures)

กลไกการทำงาน

บนตัวอย่างทดลอง ลำแสงอิเล็กตรอนจะชี้ไปใกล้กับหัววัดของ AFM โดยมีระยะคงที่

ทั้งลำแสงและหัววัดจะอยู่ในตำแหน่ง นิ่ง

ขณะที่ ตัวอย่างจะถูกสแกนด้วยสแกนเนอร์แบบไพโซอิเล็กทริกของ LiteScope

ด้วยวิธีนี้ ข้อมูลจากกล้องจุลทรรศน์ทั้งสองระบบสามารถถูกเก็บได้พร้อมกัน

ในตำแหน่งเดียวกัน และภายใต้สภาวะเดียวกัน

ขอบเขตการใช้งาน

LiteScope มอบศักยภาพใหม่ให้แก่ผู้ใช้งาน

ในการวิเคราะห์ตัวอย่างและสร้างภาพเชิงสัมพันธ์แบบ 3 มิติขั้นสูง

ด้วยความแม่นยำในการจัดแนวภาพที่เหนือกว่าทุกระบบที่ผ่านมา

ความยืดหยุ่นของ LiteScope ยังพิสูจน์ให้เห็นถึง ความสามารถในการประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายสาขา

ในสาขาต่าง ๆ เช่น วัสดุศาสตร์ (Material Science), นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology),

เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors), การพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell Development),

วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life Science) และสาขาวิจัยอื่น ๆ รวมถึงการประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรม

วัสดุศาสตร์

  • วัสดุ 1 มิติ / 2 มิติ
  • เหล็กและโลหะผสม
  • แบตเตอรี่
  • เซรามิก
  • พอลิเมอร์และวัสดุผสม

เซมิคอนดักเตอร์

  • วงจรรวม
  • เซลล์แสงอาทิตย์
  • การวิเคราะห์ความเสียหาย
  • การแสดงภาพสารโดป
  • การระบุตำแหน่งการรั่วของกระแสไฟ

โครงสร้างนาโน

  • พื้นผิวที่ผ่านการปรับแต่งด้วย FIB/GIS
  • จุดควอนตัม
  • ฟิล์มโครงสร้างนาโน
  • ลวดลายนาโน
  • เส้นลวดนาโน

วิทยาศาสตร์ชีวภาพ

  • ชีววิทยาของเซลล์
  • ชีววิทยาทางทะเล
  • เทคโนโลยีโปรตีน
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy และ Cookies Policy
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy